Sunday, September 18, 2022

คำแปลโดยอรรถ บทสวดธัมมะสังคิณีมาติกา

 


3.คำแปลบทสวดธัมมะสังคิณีมาติกา

3.1 แปลโดยอรรถ

(ติกมาติกา 22 ติกะ)

1.กุสลติกะ

กุสะลา ธัมมา

ธรรมเป็นกุสล,

อะกุสะลา

ธรรมเป็นอกุสล,

อัพยากะตา ธัมมา

ธรรมอันเป็นอัพยากฤตฯ

2.เวทนาติกะ

สุขายะ เวทะนายะ,สัมปะยุตตา ธัมมา

ธรรมสัมยุตด้วยสุขเวทนา,

ทุกขายะ เวทะนายะ,สัมปะยุตตา ธัมมา

ธรรมสัมปยุตด้วยทุกขเวทนา,

อะทุกขะมะสุขาย เวทะนาย,สัมปะยุตตา ธัมมา

ธรรมสัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาฯ

3.วิปากะติกะ

วิปากา ธัมมา

ธรรมเป็นวิบาก,

วิปากะธัมมะธัมมา

ธรรมเป็นเหตุแห่งวิบาก.

เนวะวิปากะมะวิปากะธัมมะธัมมา

ธรรมไม่เป็นวิบาก และไม่เป็นเหตุแห่งวิบากฯ

4.อุปาทินนุปาทานิยติกะ

อุปาทินนุปาทานิยา ธัมมา

ธรรมอันเจตนากรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฏฐิเข้ายึดครองและเป็นอารามณ์ของอุปาทาน

อะนุปาทินนุปาทานิยา ธัมมา

ธรรมอันเจตนากรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฏฐิไม่เข้ายึดครอง แต่เป็นอารมณ์ของอุปาทานฯ

อะนุปาทินนานุปาทานิยา ธัมมา

ธรรมอันเจตนากรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฏฐิไม่เข้ายึดครอง และไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทานฯ

5.สังกิลิฏฐะสังกิเลสิกะติกะ

สังกิลิฏฐะสังกิเลสิกา ธัมมา

ธรรมเศร้าหมองเป็นอารมณ์ของสังกิเลส,

อะสังกิลิฏฐะสังกิเลสิกา ธัมมา

ธรรมไม่เศร้าหมองแต่เป็นอาราณ์ของสังกิเลส,

อะสังกิลิฏฐาสังกิเลสิกา ธัมมา

ธรรมไม่เศร้าหมอองและไม่เป็นอารมณ์ของสังกิเลส.

6.วิตักกะติกะ

สะวิตักกะวิจารา ธัมมา

ธรรมมีวิตกมีวิจาร,

อะวิตักกะวิจาระมัตตา ธัมมา

ธรรมไม่มีวิตกแต่มีวิจาร.

อะวิตักกาวิจารา ธัมมา

ธรรมไม่มีวิตกไม่มีวิจารฯ

7.ปีติติกะ

ปีติสะหะคะตา ธัมมา

ธรรมสหรคตด้วยปีติ,

สุขะสะหะคะตา ธัมมา

ธรรมสหรคตด้วยสุขเวทนา,

อุเปกขาสะหะคะตา ธัมมา

ธรรมสหรคตด้วยอุเบกขาเวทนา.

8.ทัสสะนะติกะ

ทัสสะเนนะ ปะหาตัพพา ธัมมา

ธรรมอันโสดาปัตติมรรคประหาณ,

ภาวนาย ปะหาตัพพา

 ธรรมอันมรรคเบื้องสูง 3 ประหาณ,

เนวะ ทัสสะเนนะ นะภาวะนายะ ปะหาตัพพา ธัมมา.

ธรรมอันโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องสูง 3 ไม่ประหาณ

9.ทัสสนเหตุกติกะ

ทัสสะเนนะ ปะหาตัพพะเหตุกา ธัมมา

ธรรมมีสัมปยุตตเหตุอันโสดาปัตติมรรคประหาณ

ภาวะนายะ ปะหาตัพพะเหตุกา ธัมมา

ธรรมมีสัมปยุตตเหตุอันมรรคเบื้องสูง 3 ประหาณ,

เนวะทัสสะเนนะ นะภาวะนายะ ปะหาตัพพะเหตุกา ธัมมา.

ธรรมมีสัมปยุตตเหตุอันโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องสูง 3 ไม่ประหาณฯ

10.อาจยคามิติกะ

อาจะยะคามิโน ธัมมา

ธรรมเป็นเหตุให้จุติปฏิสนธิ,

อะปะจะยะคามิโน ธัมมา

ธรรมเป็นเหตุให้ถึงนิพพาน,

เนวาจะยะคามิโน นาปาจะยะคามิโน  ธัมมา

ธรรมไม่เป็นเหตุให้จุติปฏิสนธิและไม่เป็นเหตุให้ถึงนิพพาน

11.เสกขติกะ

เสกขา ธัมมา

ธรรมเป็นของเสกขบุคล,

อะเสกขา ธัมมา ธรรมเป็นของอเสกขบุคคล,

เนวะเสกขา นาเสกขา ธัมมา

ธรรมไม่เป็นของเสกขบุคลลไม่เป็นของอเสกขบุคคล.

12.ปริตตติกะ

ปะริตตา ธัมมา,

ธรรมเป็นปริตตะ

มะหัคคะตา ธัมมา,

ธรรมเป็นมหัคคตะ

เนวะเสกขา นาเสกขา ธัมมา

ธรรมไม่เป็นของเสกขบุคคลและไม่เป็นของอเสกขบุคคล

 

13.ปริตตารัมมณติกะ

ปะริตตารัมมณา ธัมมา

ธรรมมีอารมณ์เป็นปริตตะ,

มหัคคะตารัมมะณา ธัมมาม

ธรรมมีอารมณ์เป็นมหัคคตะ,

อัปปะมาณารัมมะณา ธัมมา

ธรรมมีอารมณ์เป็นอัปปมาณะ.

14.หีนะติกะ

หีนา ธัมมา

ธรรมทราม,

มัชฌิมา ธัมมา

ธรรมปานกลาง,

ปะณีตา ธัมมา

ธรรมอันประณีต.

15.มิจฉัตตติกะ

มิจฉัตตตะนิยะตา ธัมมา

ธรรมเป็นมิจฉาสภาวะและให้ผลแน่นอน,

สัมมัตตะนิยะตา ธัมมา

ธรรมเป็นสัมมาสภาวะและให้ผลแน่นอน,

อะนิยะตา ธัมมา

ธรรมให้ผลไม่แน่นอน.

16.มัคคารัมมณติกะ

มัคคารัมมณา ธัมมา

ธรรมมีมรรคเป็นอารมณ์,

มัคคะเหตุกา ธัมมา

ธรรมมีเหตุคือมรรค,

มัคคาธิปะติโน ธัใมมา

ธรรมมีมรรคเป็นอธิบดี

17.อุปปันนะติกะ

อุปปันนา ธัมมา

ธรรมเกิดขึ้นแล้ว,

อะนุปปันนา ธัมมา

ธรรมยังไม่เกิดขึ้น,

อุปปาทิโน ธัมมา

ธรรมจักเกิดขึ้น.

18.อตีตติกะ

อะตีตา ธัมมา

ธรรมเป็นอดีต,

อะนาคะตา ธัมมา

ธรรมเป็นอนาคต,

ปัจจุปปันนา ธัมมา

ธรรมเป็นปัจจุบัน.

19.อตีตารัมมณติกะ

อะตีตารัมมณา ธัมมา

ธรรมมีอารมณ์เป็นอดีต,

อะนาคะตารัมมณา ธัมมา

ธรรมมีอารมณ์เป็นอนาคต,

ปัจจุปปันนารัมมณา ธัมมา

ธรรมมีอารมณ์เป็นปัจจุบัน.

20.อัชฌัตตติกะ

อัชฌัตตา ธัมมา

ธรรมเป็นภายใน,

พะหิทธา ธัมมา

ธรรมเป็นภายนอก,

อัชฌัตตะพะหิทธา  ธัมมา

ธรรมเป็นทั้งภายในและภายนอก.

21.อัชฌัตตารัมมณติกะ

อัชฌัตตารัมมณา ธัมมา

ธรรมมีอารมณ์เป็นภายใน,

พะหิทธารัมมณา ธัมมา

ธรรมมีอารมณ์เป็นภายนอก,

อัชฌัตตะพะหิทธารัมมะณา ธัมมา

ธรรมมีอารมณ์เป็นภายในและเป็นภายนอก.

22.สะนิทัสสติกะ

สะนิทัสสะนัปปะฏิฆา ธัมมา

ธรรมที่เห็นได้และกระทบได้

อะนิทัสสะนะสัปปะฏิฆา ธัมมา

ธรรมที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้,

อะนิทัสสะนาปปะฏิฆา ธัมมา

ธรรมที่เห็นไม่ได้และกระทบไม่ได้.

No comments:

Post a Comment